เพื่อดำเนินกิจการรวบรวมและจัดการวัตถุดิบทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบอ้อย หญ้าเนเปียร์ หรือเศษชีวมวลอื่น ๆ ในพื้นที่ 3 อำเภอด้านตะวันตกของจังหวัดนครสวรรค์ (อ.แม่วงก์ อ.แม่เปิน อ.ชุมตาบง) เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพลังงานและเกษตรหมุนเวียน
เพื่อดำเนินกิจการซื้อขาย อัดก้อน เก็บรักษา แปรรูป ส่งมอบฟางข้าวและใบอ้อยให้แก่โรงไฟฟ้าชีวมวล ที่ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) และสัญญาซื้อขายส่งมอบชีวมวล เท่านั้น
เพื่อจัดตั้งและบริหาร “โรงเก็บฟางข้าวใบอ้อยและเศษชีวมวล” ในระดับหมู่บ้าน (1 หมู่บ้าน 1 โรงเก็บ) เพื่อรองรับการรวบรวมและจัดเก็บชีวมวลในรูปแบบอัดก้อนอย่างมีมาตรฐาน
เพื่อจัดตั้งและบริหาร “โรงแปรรูปฟางข้าวใบอ้อยและเศษชีวมวล” ในระดับตำบล เพื่อผสมกับมูลสัตว์ เช่น โค กระบือ สุกร ไก่ เพื่อผลิตคอมโพสปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง เพื่อจำหน่ายให้เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ในจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดใกล้เคียง
เพื่อดำเนินกิจการผลิต จำหน่าย หรือให้บริการด้านปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ วัสดุปรับปรุงดิน รวมทั้งการบรรจุภัณฑ์ จัดจำหน่าย หรือให้บริการขนส่ง
เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการลดการเผาในที่โล่ง และสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามนโยบายของรัฐบาลและพระราชบัญญัติอากาศสะอาด
เพื่อจัดตั้งและบริหารระบบข้อมูลสารสนเทศ (Database & Digital Platform) สำหรับติดตามข้อมูลวัตถุดิบ การผลิต และการกระจายรายได้ให้กับสมาชิก
เพื่อให้คำปรึกษา ฝึกอบรม และถ่ายทอดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการชีวมวล การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ และการบริหารจัดการเกษตรหมุนเวียนอย่างยั่งยืน
เพื่อดำเนินกิจการใด ๆ อันเกี่ยวเนื่องหรือสนับสนุนวัตถุประสงค์ข้างต้น
บริษัท เวสท์ นครสวรรค์ ชีวมวล จำกัด จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นองค์กรกลางของเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ 3 อำเภอด้านตะวันตกของจังหวัดนครสวรรค์ ได้แก่ อำเภอแม่วงก์ อำเภอแม่เปิน อำเภอชุมตาบง มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมฟางข้าวใบอ้อย(ชนิดอัดก้อนสี่เหลี่ยม) และชีวมวลทางการเกษตร เพื่อส่งมอบให้โรงไฟฟ้าตามบันทึกข้อตกลง/สัญญาซื้อขายส่งมอบชีวมวล และผลิตคอมโพสปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง รวมทั้งส่งเสริมการลดการเผาในที่โล่งและการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวของชุมชนอย่างยั่งยืน
บริษัทฯ จะไม่ขยายกิจการไปยังธุรกิจอื่นที่ไม่ได้ระบุในวัตถุประสงค์การประกอบกิจการ ที่ได้ยื่นจดทะเบียนขอจัดตั้งบริษัทฯ กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ห้ามโอนหุ้นให้แก่บุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ของบริษัท ทั้งนี้เพื่อรักษาเอกลักษณ์ของบริษัทในฐานะกิจการของชุมชนท้องถิ่น
สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกลุ่มอำเภอตอนเหนือของจังหวัดนครสวรรค์ และสามารถจัดตั้งสาขาหรือศูนย์ปฏิบัติการย่อยได้ตามความเหมาะสมในแต่ละตำบลหรือหมู่บ้าน
บริษัทนี้ตั้งขึ้นเพื่อให้ “ทุกหมู่บ้านเป็นเจ้าของร่วมกัน” ในระบบรวบรวมและแปรรูปฟางข้าว–ใบอ้อย โดยรายได้จะหมุนเวียนกลับสู่พื้นที่ทุกระดับ ดังนั้น การถือหุ้นจะต้องสะท้อนการมีส่วนร่วมในระดับ “หมู่บ้าน”
รวมทั้งต้องมีสัดส่วนสำหรับ “ผู้สนับสนุนในนามบุคคล” ที่เป็นคนพื้นที่ อาศัยอยู่ในกลุ่มอำเภอที่ระบุในหมวด 1
เพื่อให้บริษัทฯ ได้รับความน่าเชื่อถือเมื่อขอรับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล และกู้เงินจากธนาคารของรัฐ
ทุนจดทะเบียน : 5,000,000 บาท (สิบล้านบาทถ้วน)
มูลค่าหุ้นละ : 100 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด : 50,000 หุ้น
ลักษณะหุ้น : หุ้นสามัญ (มีมูลค่าเท่ากันทุกหุ้น)
(2.2) โครงสร้างการถือหุ้น
ผู้ถือหุ้นระดับหมู่บ้าน
โรงเก็บ - รวบรวมฟางใบอ้อย 113 แห่ง (หมู่บ้าน)
เกษตรกร (ผู้นำชุมชน) ประจำหมู่บ้าน ร่วมถือหุ้น 113 คน
113 หมู่บ้านๆละ 300 หุ้นๆละ 100 บาท เป็นเงิน 30,000 บาท/หมู่บ้าน
รวมถือหุ้นเป็นจำนวน 33,900 หุ้นๆ ละ 100 บาท
รวมเป็นเงิน 3,390,000 บาท
คิดเป็นสัดส่วน 67.80% ของมูลค่าทุนทั้งหมด
เพื่อร่วมเป็นเจ้าของและเป็นผู้จัดการประจำหน่วย-โรงเก็บฯ
ปฏิบัติงานตามแผนงานของคณะบริหารส่วนกลาง
โดยไม่มีเงินเดือนหรือค่าตอบแทนใด ๆ จนกว่าโรงเก็บฯ จะเปิดดำเนินการรวบรวม อัดก้อน จัดเก็บ อย่างเป็นระบบ
ผู้ถือหุ้น (ผู้สนับสนุนในนามบุคคล)
จะต้องเป็นคนพื้นที่ อาศัยอยู่ในกลุ่มอำเภอ ที่ระบุในหมวด 1
เติมเงินทุนให้ครบ 5,000,000 บาท
เป็นเงิน 1,610,000 บาท
รวมถือหุ้นเป็นจำนวน 16,100 หุ้นๆ ละ 100 บาท
คิดเป็นสัดส่วน 32.20% ของมูลค่าทุนทั้งหมด
เพื่อร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจโรงเก็บชีวมวล
(2.3) สรุปการถือหุ้นรวม
หมู่บ้าน (113) ร่วมถือหุ้น จำนวน 33,900 หุ้นๆ ละ 100 บาท รวมมูลค่า 3,390,000 บาท สัดส่วน 67.80%
ผู้สนับสนุน ร่วมถือหุ้น เติมเงินลงทุนให้ครบ 5 ล้านบาท เป็นเงิน 1,610,000 บาท สัดส่วน 32.20%
ผู้ถือหุ้น มี 1 สิทธิ์เสียง ต่อ 1 หุ้น
ผู้ถือหุ้น จะได้รับเงินปันผลจ่ายตามสัดส่วนหุ้น
หากผู้ถือหุ้น (หมู่บ้าน) ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ เช่น ไม่ส่งชีวมวล ไม่รายงานข้อมูล จะถูกงดสิทธิ์ปันผลในปีนั้น
บริษัทฯจะยังไม่จ่ายเงินปันผลใน 5 ปีแรก เพื่อนำกำไรที่ได้ไปขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกส่วนของห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจ
ในปีที่ 6-10 ถ้ามีกำไร บริษัทฯจะจ่ายเงินปันผลไม่เกิน 25% ของกำไรสุทธิ ในแต่ละปี ส่วนที่เหลือจะนำไปขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกส่วนของห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจชีวมวล
ในปีที่ 11 ขึ้นไป ถ้ามีกำไร บริษัทฯจะจ่ายเงินปันผลไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิ ในแต่ละปี ส่วนที่เหลือกันสำรองไว้เป็นทุนสะสม(ฉุกเฉิน) และกองทุนสิ่งแวดล้อม
(2.5) โครงสร้าง-คณะกรรมการบริหาร 4 ท่าน
ตัวแทนอำเภอ 3 ท่าน (เลือกตั้ง วาระ 5 ปี)
ตัวแทนโรงไฟฟ้า 1 ท่าน
***โดยต้องมีมติ ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของคณะกรรมการบริหาร ในการอนุมัติการใช้เงินทุนหรือการทำสัญญาผูกพันใด ๆ
สมาชิก คือ เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานเกษตรอำเภอหรือหน่วยงานของรัฐ ยืนยันว่าเป็นเกษตรกรปลูกข้าวหรืออ้อย ในเขตพื้นที่กลุ่มอำเภอที่ระบุไว้ในหมวดที่ 1 และสมัครใจเข้าร่วมโครงการรวบรวมฟางข้าวใบอ้อยและเศษชีวมวล
สมาชิก มีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งหรือผลประโยชน์ ตามสัดส่วนของฟางข้าวใบอ้อยที่รวบรวมได้ในพื้นที่ของสมาชิก
สมาชิกมีหน้าที่ชำระค่าสมาชิกรายปีตามที่บริษัทกำหนด เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเก็บรวบรวมฟางข้าวใบอ้อยให้กับสมาชิก และเป็นค่าบริหารจัดการพัฒนาองค์กร
ค่าสมาชิก (รายปี) คิดตามพื้นที่ นา/ไร่ ที่เข้าร่วม
ค่าสมาชิก - เริ่มต้น 300 บาท / ไร่ (นาปี) หรือ 80% ของเงินอุดหนุนต่อไร่ ที่ได้รับจากภาครัฐ
ค่าสมาชิก - เริ่มต้น 500 บาท / ไร่ (นาปี+ปรัง) หรือ 80% ของเงินอุดหนุนต่อไร่ ที่ได้รับจากภาครัฐ
ค่าสมาชิก - เริ่มต้น 400 บาท / ไร่ (ไร่อ้อย 1 ฤดูการเก็บเกี่ยว) หรือ 80% ของเงินอุดหนุนต่อไร่ ที่ได้รับจากภาครัฐ
ค่าสมาชิก สามารถปรับลดหรือเพิ่มได้ตามมติ 3 ใน 4 ของคณะกรรมการบริหาร แต่ต้องไม่เกิน 80% เงินอุดหนุนต่อไร่ ที่เกษตรกรได้รับจากหน่วยงานภาครัฐ
สิทธิ์ สำหรับสมาชิก
ได้รับบริการ เก็บฟางข้าวใบอ้อย ในพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด
ได้รับเงินปันผล รายปี ตามปริมาณฟางใบอ้อย ที่รวบรวมได้
เริ่มรับปีที่ 6 (หากมีกำไร)
กำหนดสูตรเงินปันผลโดยคณะกรรมการบริหาร
ซื้อคอมโพสปุ๋ยอินทรีย์ ในราคาสมาชิก
สิทธิ์พื้นฐาน/สิทธิ์พิเศษ อื่นๆ ทึ่บริษัทฯ จะกำหนดภายหลังโดยมติ 3 ใน 4 ของคณะกรรมการบริหาร
การบริหารงานของบริษัทดำเนินการโดย คณะกรรมการบริหาร 4 ท่าน ตามหมวดที่ 2 (2.5) โดยคณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังนี้
กำหนดนโยบายและแนวทางการดำเนินงานของบริษัทให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และข้อบังคับของบริษัทฯ
อย่างเคร่งครัด โปร่งใส ตรวจสอบได้
แต่งตั้งหรือถอดถอนผู้จัดการและผู้บริหารมืออาชีพ ดังนี้
ว่าจ้าง “ผู้จัดการโครงการ” 1 ตำแหน่ง
ว่าจ้าง “ผู้จัดการฝ่ายบัญชี” 1 ตำแหน่ง
ว่าจ้าง “ผู้จัดการฝ่ายข้อมูลและสารสนเทศ” 1 ตำแหน่ง
ว่าจ้าง “ผู้จัดการฝ่ายขาย” 1 ตำแหน่ง
ว่าจ้าง "CEO / CFO" ในเวลาที่เหมาะสม
ว่าจ้าง “ผู้ปฏิบัติงาน” ในหน้าที่สำคัญอื่นๆ ในเวลาที่เหมาะสม
อนุมัติแผนงบประมาณประจำปีและตรวจสอบการใช้จ่าย
เสนองบการเงินและรายงานประจำปีต่อที่ประชุมใหญ่
ตรวจสอบและมอบหมายงาน "ผู้จัดการทุกฝ่าย" ทุกไตรมาส
บริษัทจะจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายแยกตามประเภทกิจกรรม ได้แก่
รายได้จากค่าสมาชิก รายปี
รายได้จากการขายฟางข้าวใบอ้อยและเศษชีวมวล (แห้ง) ที่ขายให้กับ
โรงไฟฟ้าชีวมวลที่ทำบันทึกข้อตกลงและสัญญาซื้อขายชีวมวล
ให้วิสาหกิจชุมชนที่ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
ให้บริษัทเอกชนที่ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
ให้เกษตรกรรายย่อยในพื้นที่ใกล้เคียง
รายได้จากการขายคอมโพสปุ๋ยอินทรีย์
ให้สมาชิก
ให้เกษตรกรที่ไม่ได้เป็นสมาชิก
ให้วิสาหกิจชุมชน
ให้บริษัทเอกชน
ให้หน่วยงานของรัฐ ที่อุดหนุนตาม พรบ.อากาศสะอาด
เงินทุนหมุนเวียน จากหน่วยงานของรัฐ ตาม พรบ.อากาศสะอาด
เงินอุดหนุน จากหน่วยงานของรัฐ ตาม พรบ.อากาศสะอาด
เงินทุกประเภทต้องเก็บไว้ในบัญชีธนาคารในนามบริษัท ห้ามเก็บเงินสดเกินจำนวนที่คณะกรรมการบริหารกำหนด การใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ดังนี้
เงินทุนจัดตั้งบริษัทฯ ใช้เพื่อจ่ายเงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการ และค่าเดินทางของผู้จัดการฝ่าย ผู้อำนวยการ และ CEO/CFO เท่านั้น ห้ามนำไปใช้ในกิจกรรมอื่น
เงินค่าสมาชิก จะต้องสำรองไว้เพื่อเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่างวด รถแทรกเตอร์ รถบรรทุก เครื่องเกลี่ยรวมกอง เครื่องอัดก้อนชีวมวล ห่างพ่วงแทรกเตอร์ หางพ่วงรถบรรทุก ฯลฯ ของโรงเก็บและโรงแปรรูปชีวมวล เท่านั้น ห้ามนำไปใช้ในกิจกรรมอื่น
เงินทุนหมุนเวียนจาก พรบ.อากาศสะอาด ใช้เพื่อจ่ายเงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการ และค่าเดินทางของพนักงานประจำโรงเก็บและแปรรูปชีวมวลเท่านั้น ห้ามนำไปใช้ในกิจกรรมอื่น
รายได้จากการขายปุ๋ยอินทรีย์ ต้องสำรองไว้เพื่อพัฒนาอาคารสถานที่และเครื่องจักรโรงแปรรูปชีวมวล 50% เพื่อจ่ายค่ามูลสัตว์(วัตถุดิบในการผลิต)และบรรจุภัณฑ์ 40% เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของโรงแปรรูปฯ 10%
รายได้จากการขายฟางข้าวและใบอ้อยให้โรงไฟฟ้า ต้องกันไว้เป็นค่าตอบแทนสมาชิก 50% (เงินปันผล ปีที่ 6) ค่าเครื่องจักรและซ่อมบำรุงโรงเก็บชีวมวล 40% และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของโรงเก็บฯ 10%
ทุกปีบริษัทต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีภายนอกตรวจสอบบัญชี และจัดทำรายงานต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และเผยแพร่ต่อสมาชิกทุกคน
บริษัทต้องจัดประชุมใหญ่สามัญปีละครั้ง เพื่อพิจารณางบการเงิน รายงานผลการดำเนินงาน และแผนงานของปีถัดไป
ในกรณีมีเรื่องเร่งด่วน บริษัทสามารถเรียกประชุมใหญ่วิสามัญได้ตามมติคณะกรรมการไม่น้อยกว่า 3 ใน 4
มติของที่ประชุมใหญ่นับโดยเสียงข้างมากของผู้ถือหุ้นหรือผู้แทนของผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุม
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม - วัตถุประสงค์หรือข้อบังคับ - ต้องถูกเสนอโดย คณะกรรมการบริหาร หรือผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% ของจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด และต้องได้รับมติเอกฉันท์จากคณะกรรมการบริหาร
บริษัทต้องจัดให้มีคณะตรวจสอบภายใน จำนวน 1 คน/อำเภอ ซึ่งเป็นตัวแทนที่ได้รับการเลือกตั้ง (วาระ 5 ปี) มาจากอำเภอนั้นๆ (ไม่ได้เป็นคณะกรรมการบริหารบริษัท) เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบการเงิน การดำเนินงาน และการปฏิบัติตามข้อบังคับ
บริษัทต้องจัดทำรายงาน “ผลการลดการเผาและการลดก๊าซเรือนกระจก” ประจำปี เพื่อส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานเกษตรจังหวัด หรือหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบตาม พ.ร.บ.อากาศสะอาด ตามกฎหมายกำหนด
ผู้จัดการฝ่ายต่าง ๆ ต้องผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการบริหาร ด้วยมติ 3 ใน 4
พนักงานของบริษัททุกระดับต้องปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณ โปร่งใส ตรวจสอบได้
บริษัทมีสิทธิ์จัดสรรงบประมาณบางส่วนเพื่อการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะบุคลากร
ทุกตำแหน่งเป็นพนักงานประจำของบริษัท มีสิทธิ์เข้าร่วมในกองทุนสวัสดิการและโบนัสตามผลประกอบการ
ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ (กลุ่มอำเภอตะวันตก)
ต้องมีทัศนคติ “ทำงานเพื่อชุมชน–เพื่อสิ่งแวดล้อม–เพื่อความยั่งยืน”
วุฒิปริญญาตรีขึ้นไป สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ, การบริหารโครงการ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
มีประสบการณ์บริหารโครงการภาคเกษตร ชีวมวล พลังงาน หรือโครงการสาธารณะอย่างน้อย 5 ปี
เข้าใจระบบโลจิสติกส์ชีวมวล การเก็บรวบรวมและแปรรูปวัตถุดิบทางการเกษตร
มีทักษะด้านการประสานงาน การเจรจา และความเป็นผู้นำสูง
สามารถใช้โปรแกรมวางแผนงาน เช่น MS Project, Excel, Google Workspace ได้เป็นอย่างดี
วางแผนและดำเนินงานโครงการจัดตั้งโรงเก็บชีวมวลและโรงแปรรูปชีวมวลในพื้นที่ 3 อำเภอทิศตะวันตกของจังหวัดนครสวรรค์
ประสานงานกับหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อให้โครงการดำเนินไปตามแผน
สำรวจพื้นที่ วางแผนด้านโลจิสติกส์ และควบคุมการก่อสร้างโรงเก็บและโรงแปรรูปให้ได้มาตรฐาน
ติดตามผลการดำเนินงานและจัดทำรายงานต่อคณะกรรมการบริษัทและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง
ริเริ่มแนวทางพัฒนาธุรกิจและระบบการจัดการชีวมวลที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
45,000 – 70,000 บาท/เดือน
ค่าเดินทางภาคสนาม: 5,000 – 10,000 บาท/เดือน
โบนัสตามผลการดำเนินงาน: 1–3 เดือน/ปี
แผนจัดตั้ง โรงเก็บชีวมวลจำนวน 113 หมู่บ้าน ดำเนินงานได้ตามกำหนดการ (≥ 90%)
โรงแปรรูปชีวมวลระดับตำบล 7 แห่ง ดำเนินการแล้ว ≥ 80% ของแผน
ปริมาณฟาง–ใบอ้อยที่รวบรวมได้ต่อฤดูกาล ≥ 70% ของเป้าหมาย
รายงานต่อคณะกรรมการครบทุกไตรมาส (On time 100%)
ระดับความร่วมมือของเกษตรกร/ผู้นำชุมชน ≥ 80% ความพึงพอใจ
อบรมเจ้าหน้าที่หมู่บ้าน/ตำบล ≥ 300 คนต่อปี
รายงานต่อ คณะกรรมการบริษัท (กลุ่มอำเภอ 3 คน) โดยตรง
ทำงานร่วมกับฝ่ายบัญชี ฝ่าย ICT และฝ่ายโรงแปรรูป/โรงเก็บ
วุฒิปริญญาตรีขึ้นไป สาขาบัญชี การเงิน หรือบริหารธุรกิจ
มีประสบการณ์งานบัญชีและภาษีอย่างน้อย 3–5 ปี โดยเฉพาะในกิจการเกษตร อุตสาหกรรม หรือวิสาหกิจชุมชน
มีใบอนุญาตผู้ทำบัญชี (ถ้ามีจะพิจารณาเป็นพิเศษ)
เข้าใจระบบบัญชีโปร่งใสและการรายงานตามกฎหมายบริษัทจำกัด
มีความละเอียด รอบคอบ และซื่อสัตย์สุจริตสูง
วางระบบบัญชี การเงิน และการจัดทำรายงานงบการเงินของบริษัทตามมาตรฐานบัญชี
ดูแลการจัดทำบัญชีรายรับ–รายจ่าย การเบิกจ่าย การตรวจสอบหลักฐานทางการเงิน และงบประมาณประจำปี
จัดทำและยื่นแบบภาษี (ภ.พ.30, ภ.ง.ด.50, ภ.ง.ด.51 ฯลฯ) ต่อกรมสรรพากรอย่างถูกต้องและตรงเวลา
ดูแลสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น BOI, สิทธิ์ลดหย่อนด้านสิ่งแวดล้อม พรบ.อากาศสะอาด
ประสานงานกับผู้สอบบัญชีภายนอก หน่วยงานราชการ และธนาคาร
30,000 – 50,000 บาท/เดือน
สวัสดิการพิเศษ: ค่าอบรมบัญชี/ภาษีประจำปี 1–2 ครั้ง
โบนัส: 1–2 เดือน/ปี
ปิดงบรายเดือนและรายไตรมาส ตรงเวลา 100%
เอกสารบัญชีถูกต้องตามมาตรฐาน TFRS ≥ 98% Accuracy
การยื่นแบบภาษี (ภ.พ.30, ภ.ง.ด.50, 51 ฯลฯ) ถูกต้องและตรงเวลา 100%
ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชี (CPA) โดยไม่มีรายการผิดปกติสำคัญ
จัดทำระบบบัญชีแบบโปร่งใสสำหรับ 547 หมู่บ้าน + 56 โรงแปรรูป
รายงานต่อ คณะกรรมการบริษัท
ให้ข้อมูลแก่ผู้จัดการโครงการและผู้จัดการ ICT สำหรับระบบบัญชีบนเว็บแอป
วุฒิปริญญาตรีขึ้นไป สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน (Front-end/Back-end) อย่างน้อย 3 ปี
มีทักษะในการใช้ภาษาโปรแกรม เช่น JavaScript, Python, PHP หรือ Node.js
เข้าใจระบบฐานข้อมูล MySQL / Firebase และระบบ Cloud (Google / AWS)
มีใจรักการทำงานร่วมกับชุมชน และสามารถอธิบายเทคโนโลยีให้คนทั่วไปเข้าใจได้
ออกแบบและพัฒนา “ระบบเว็บแอปพลิเคชันกลาง” สำหรับการทำงานร่วมกันของสมาชิก วิสาหกิจชุมชน และฝ่ายบริหาร
พัฒนาโมดูลต่าง ๆ เช่น ระบบฐานข้อมูลสมาชิก, ระบบติดตามฟาง–ใบอ้อย, ระบบรายงานการผลิตปุ๋ย, ระบบบัญชีเบื้องต้น
ดูแลความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security) และการสำรองข้อมูล
ประสานกับทีมพัฒนาภายนอก (Web / Cloud / IoT) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลการผลิตแบบเรียลไทม์
สนับสนุนการใช้งานระบบดิจิทัลแก่ผู้จัดการโรงเก็บ โรงแปรรูป และคณะกรรมการบริษัท
35,000 – 60,000 บาท/เดือน
ค่าโปรแกรม/อุปกรณ์ IT: 1,500 – 3,000 บาท/เดือน
โบนัส: 1–3 เดือน/ปี
พัฒนาเว็บแอปพลิเคชันครบ 6 โมดูลสำคัญ:
ฐานข้อมูลสมาชิก
ระบบฟาง–ใบอ้อย
ระบบโรงเก็บ
ระบบโรงแปรรูป
ระบบบัญชีเบื้องต้น
Dashboard ผู้ใช้งาน / ผู้บริหาร สำเร็จ ตามแผน
ระบบออนไลน์พร้อมใช้งานในทุกตำบล/ทุกหมู่บ้าน ≥ 95% Uptime
ระบบความปลอดภัยข้อมูล (Data Security) ไม่เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล
ลดเวลาการทำงานด้วยระบบดิจิทัล ≥ 30%
รายงานต่อ คณะกรรมการด้านข้อมูล (ในกลุ่มอำเภอ)
ทำงานประสานผู้จัดการโครงการ + ผู้จัดการบัญชี
วุฒิปริญญาตรีขึ้นไป สาขาการตลาด บริหารธุรกิจ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
มีประสบการณ์ด้านการขายและการตลาดสินค้าเกษตรหรือปุ๋ยอินทรีย์อย่างน้อย 3 ปี
มีทักษะการสื่อสาร การนำเสนอ และการบริหารทีมขายได้ดี
ใช้เครื่องมือการตลาดดิจิทัลได้ เช่น Facebook Ads, Line OA, Google Ads
มีความเข้าใจในตลาดเกษตรอินทรีย์และเศรษฐกิจหมุนเวียน
วางกลยุทธ์การตลาดและการขายทั้งช่องทางออนไลน์ (Website, Social Media) และออฟไลน์ (เครือข่ายเกษตร–ร้านค้าปุ๋ย)
บริหารช่องทางจำหน่ายคอมโพสปุ๋ยอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ชีวมวล ให้เข้าถึงเกษตรกรและหน่วยงานท้องถิ่น
วางแผนกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น งานเกษตรแฟร์ นิทรรศการสิ่งแวดล้อม
สร้างระบบสมาชิกเกษตรอินทรีย์และเกษตรกรคู่ค้าระยะยาว
รายงานยอดขายและแนวโน้มตลาดต่อคณะกรรมการบริษัทอย่างสม่ำเสมอ
30,000 – 50,000 บาท/เดือน
ค่าเดินทาง + ค่าออกบูธ + ค่าโฆษณา 5,000 – 10,000 บาท/เดือน
ค่าคอมมิชชั่นตามยอดขายปุ๋ยอินทรีย์ 1–3%
ยอดขายคอมโพสปุ๋ยอินทรีย์ ≥ 70% ของกำลังผลิต
ขยายคู่ค้าร้านปุ๋ย/สหกรณ์ ≥ 100 แห่ง/ปี
ดึงลูกค้าเกษตรอินทรีย์ ≥ 5,000 ราย/ปี
สร้างคอนเทนต์และโฆษณาออนไลน์ ≥ 60 ชิ้น/ปี
วางระบบ CRM ให้ใช้ได้ในเว็บแอปของบริษัท
รายงานต่อ คณะกรรมการด้านการตลาด (กลุ่มอำเภอ)
ประสานงานกับ ICT เพื่อทำระบบบันทึกยอดขายออนไลน์
CEO เป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัท มีหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินงานทั้งหมดให้เป็นไปตาม
วัตถุประสงค์ของบริษัท
นโยบายคณะกรรมการบริหาร
แผนกลยุทธ์ของชุมชน 3 อำเภอ
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน–สิ่งแวดล้อม–บริษัทจำกัด
บริหารระบบรวบรวมฟาง–ใบอ้อย 113 หมู่บ้าน และโรงแปรรูป 7 ตำบล
วางแผนระบบโลจิสติกส์ชีวมวลทั้ง 5 อำเภอ
ควบคุมคุณภาพของโรงเก็บ–โรงแปรรูป
แผนธุรกิจปุ๋ยอินทรีย์
การขายชีวมวลให้โรงไฟฟ้า
การเข้าสู่ธุรกิจต่อเนื่องของปุ๋ยอินทรีย์และการใช้ประโยชน์ชีวมวล
แผนขอเงินสนับสนุนตาม พรบ.อากาศสะอาด / พรบ.ลดโลกร้อน / พรบ.กองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ
ดูแล 4 ผู้จัดการหลัก:
Project Manager
Accounting & Tax Manager
ICT Manager
Sales & Marketing Manager
หน่วยงานรัฐ (DOAE, DEDE, อบจ., อำเภอ, อบต.)
มหาวิทยาลัย/สถาบันวิจัย
โรงไฟฟ้าชีวมวล
สหกรณ์และวิสาหกิจชุมชน
นักลงทุนสังคมและสิ่งแวดล้อม
ควบคุมระบบงบประมาณ
ตรวจสอบสัดส่วนแบ่งรายได้ตามข้อบังคับบริษัท
กำกับการทำงานของฝ่ายบัญชีและผู้สอบบัญชีภายนอก
รายงานต่อคณะกรรมการบริษัท (Board) ทุกเดือน
นำเสนอตัวชี้วัดและความก้าวหน้าแก่สมาชิกทั้งจังหวัด
ปริญญาตรีขึ้นไปในสาขา บริหารธุรกิจ, พลังงาน, เกษตร, วิศวกรรม, สิ่งแวดล้อม หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
ปริญญาโทด้านการบริหาร (MBA) จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
มีประสบการณ์บริหารระดับสูง อย่างน้อย 7–10 ปี
เคยบริหารองค์กรเกี่ยวกับ (อย่างน้อย 1 ด้าน)
เกษตรแปรรูป
สหกรณ์/วิสาหกิจชุมชน
โลจิสติกส์ชีวมวล
โรงงานผลิตปุ๋ย/ชีวมวล
พลังงานหมุนเวียน
ภาวะผู้นำระดับสูง (Leadership)
การบริหารคนหลายระดับ (113 หมู่บ้าน – 7 ตำบล – 3 อำเภอ)
การเจรจากับหน่วยงานรัฐ
การวางกลยุทธ์องค์กร
การแก้ปัญหาและตัดสินใจ
ทักษะด้านการเงิน–บัญชีระดับผู้บริหาร
ความเข้าใจระบบ ICT / Data Management
ทักษะการสื่อสารและการนำเสนอ
เข้าใจกลไก คาร์บอนเครดิต, T-VER หรือมาตรฐานสิ่งแวดล้อม
มีพื้นฐานด้าน PM2.5, Clean Air Act, Circular Economy (CE), Bio-Circular-Green (BCG)
มีคอนเนกชันกับหน่วยงานราชการหรือภาคพลังงาน
สามารถทำงานร่วมกับเกษตรกรและผู้นำชุมชนได้ดี
คำนึงถึงระดับตำแหน่ง + ความรับผิดชอบระดับจังหวัด + ควบคุมองค์กรกว่า 600 หน่วยงานย่อย
70,000 – 120,000 บาท/เดือน
ค่าที่พัก/ค่าเดินทางภาคสนาม 5,000–15,000 บาท/เดือน
ประกันสุขภาพ + ประกันอุบัติเหตุ
โทรศัพท์/อินเทอร์เน็ต/คอมพิวเตอร์
เงินสนับสนุนอบรมผู้บริหาร 1–2 ครั้ง/ปี
2 – 4 เดือน ขึ้นกับกำไรจาก
ปุ๋ยอินทรีย์
ชีวมวลขายโรงไฟฟ้า
ประสิทธิภาพโรงเก็บ/โรงแปรรูป
โรงเก็บชีวมวล 547 แห่ง ดำเนินงานได้ ≥ 85% ของแผน
โรงแปรรูป 56 แห่ง ดำเนินงาน ≥ 80% ของแผน
ปริมาณฟาง–ใบอ้อยเข้าสู่ระบบ ≥ 70% ของเป้าหมายจังหวัด
ยอดขายคอมโพสปุ๋ยอินทรีย์ ≥ 65% ของกำลังผลิตปลายปีแรก
รายได้รวมของบริษัทเติบโต ≥ 15–20% ต่อปี
งบการเงินผ่านผู้สอบบัญชีโดย “ไม่มีข้อสังเกตสำคัญ”
ระบบบัญชี–ข้อมูล–รายงานโปร่งใส 100%
พัฒนาส่วนแบ่งรายได้ให้ตรงสัดส่วนหมู่บ้าน/ตำบลตามข้อบังคับบริษัท
ระดับความพึงพอใจของเกษตรกร ≥ 80%
สร้างความร่วมมือกับรัฐ/เอกชน (MOU ≥ 3 ฉบับ/ปี)
ลดปริมาณการเผา ≥ 80–100% ในพื้นที่ดำเนินงาน
รายงาน Carbon Reduction / PM2.5 Reduction ต่อจังหวัดทุกปี
คณะกรรมการบริษัท (Board of Directors)
ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนระดับกลุ่มอำเภอ + ตัวแทนวิสาหกิจชุมชน
ผู้จัดการโครงการ (Project Manager)
ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและภาษี
ผู้จัดการฝ่าย ICT
ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด
ผู้จัดการโรงเก็บ / ผู้จัดการโรงแปรรูปในระดับพื้นที่